|
page 4/10
หลวงตา มหาบัว
พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน
พ่อว่าอย่างนั้น โฮ้ย น้ำตาพ่อร่วงปุบปับๆ
เรามองไปเห็น แม่เองพอไปเห็นพ่อน้ำตาร่วง แม่ก็เลยน้ำตาร่วงเข้าอีกคน
เราเห็นอาการสะท้อนใจทนดูอยู่ไม่ได้ ก็โดดออกจากที่รับประทาน ปุบปุบหนีไปเลย
นั่นแหละเป็นต้นเหตุ ให้เราตัดสินใจบวช มันมีเหตุอย่างนั้น
นำไปคิดอยู่ตั้งสามวันไม่หยุด ไม่ยอมมารับประทานอาหารร่วม พ่อแม่อีกเลยในสามวันนั้น
แต่ก็คิดไม่หยุดไม่ถอย คิดเทียบเคียงถึงเพื่อนฝูง ที่เขาบวชกัน ตลอดถึงครูบาอาจารย์ที่บวช
เป็นจำนวนมาก ท่านยังบวชกันได้ทั่วโลกเมืองไทย
การบวชนี่ไม่เหมือนการติดคุกติดตะราง แม้เขาติดคุกติดตะรางเช่น ติดตลอดชีวิต
เขาก็ยังพ้นโทษออกมาได้ เราไม่ใช่ติดคุกติดตารางนี่ หมู่เพื่อนบวชเขายังบวชได้
เขาเป็นคนเหมือนกัน และครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ที่ท่านบวชจนเป็นสมภารวัด
ท่านยังอยู่ได้ เหตุใดเราเป็นคนทั้งคน พ่อแม่เลี้ยงมาเหมือนคนทั้งหลาย
อย่างอื่นๆเรายังอดได้ทนได้ แต่การบวชนี่มันเหมือน ติดคุกติดตะรางเชียวเหรอ
เราถึงบวชไม่ได้ทนไม่ได้ เราทำไมถึงจะด้อยเอาเสียนักหนา ต่ำช้าเอาหนักหนากว่าเพื่อนฝูงทั้งหลาย
ถึงขนาดพ่อแม่ต้องน้ำตาร่วงเพราะเรานี่ ไม่สมควรอย่างยิ่ง
คิดวกไปเวียนมาอยู่อย่างนั้น ได้สามวัน เอาละทีนี้ตัดสินใจปุ๊บ เอาทำไมจะบวชไม่ได้
ตายก็ตายไปซิ เขาบวชกันมาไม่เห็นตาย พ่อแม่ก็ไม่ได้บอกให้บวชจนถึงวันตาย
หรือบอกให้บวชกันมาไม่เห็นตาย หรือบอกให้บวชถึงปีสองปี พ่อแม่ก็ไม่เห็นว่านี่
แล้วทำไมถึงจะบวชไม่ได้ล่ะ เราก็คนๆหนึ่งแท้ๆ เอ้า ต้องบวช
เมื่อพิจารณาเป็นที่ลงใจแล้ว จึงได้มาบอกกับแม่ว่า เรื่องการบวชจะบวชให้
แต่ว่าใครจะมาบังคับไม่ให้สึกไม่ได้นะ บวชแล้วจะสึกเมื่อไรก็สึก ใครจะมาบังคับว่า
ต้องเท่านั้น ปีเท่านี้เดือนเท่านั้นไม่ได้นะ มันหาทางออกไว้แล้วนั่น
ดูซิ ทิฐิมานะของมันน่ะ แต่แม่ฉลาดกว่าลูกนี่ โถ แม่ไม่ว่าหรอก ขอให้ลูกไปบวชให้แม่เห็น
ต่อหน้าต่อตาแม่ทีเถอะ แล้วสึกออกมาทั้งๆที่ คนที่ไปบวชยังไม่กลับบ้านก็ตาม
สึกต่อหน้าต่อตาคนมากๆ นั้นแม่ก็ไม่ว่า แม่ใส่เข้าไปอย่างนั้นเลย ก็ใครจะเป็นพระหน้าด้าน
มาสึกต่อหน้าต่อตาคนมากๆ ที่ไปบวชเราได้ ไม่บวชเสียมันดีกว่า เมื่อบวชแล้วมานึกต่อหน้าต่อตา
มันยิ่งขายขี้หน้ากว่าอะไรเสียอีกนั่น เมื่อตัดปัญหาแม่แล้วก็เลยไปบวช
Back page | Next
page
คัดลอกจากหนังสือ : เพชรน้ำหนึ่ง (หลวงตา มหาบัว)
|