สามจุดโทษ! ฝรั่งเศสเจ๊าโปรตุเกสเผ็ดมัน 2-2 กอดคอเข้าคู่
ฝรั่งเศสเสมอโปรตุเกสแบบสุดมัน ในเกมที่มีถึง 3 จุดโทษ พร้อมกอดคอกันเข้ารอบ 16 ทีม
LIVE UPDATE ยูโร 2020 : โปรตุเกส - ฝรั่งเศส ยูโร 2020 นัดสุดท้ายของกลุ่มเอฟ เป็นการพบกันระหว่าง โปรตุเกส ดวลกับ ฝรั่งเศส โดยลงเล่นกันที่สนามปุสกัส อารีนา ในกรุงบูดาเปสต์ เมืองหลวงของประเทศฮังการี แฟร์นานโด ซานโตส กุนซือของโปรตุเกส เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-3-3 ด้วยการใช้สามประสานแนวรุกแดนหน้าเป็น แบร์นาร์โด้ ซิลวา, คริสเตียโน โรนัลโด้ และ ดิโอโก้ โชต้า
ด้านฝรั่งเศสของ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ วางหมากมาในแผน 4-2-3-1 ใช้หน้าเป้าเป็น คาริม เบนเซมา ทำเกมรุกร่วมกับ โกร็องแต็ง โตลิสโซ, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ครึ่งแรกดำเนินมาจนถึงนาทีที่ 30 เป็นฝั่งของโปรตุเกสมาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ อูโก้ โยริส ออกมาตัดบอลพลาดจนกลายเป็นชกเข้าไปที่ศีรษะของ ดานิโล เปเรรา ก่อนจะเป็น คริสเตียโน โรนัลโด้ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ส่งให้ทัพฝอยทองออกนำ 1-0 ทว่าช่วงทดเวลานาทีที่ 45+2 ฝรั่งเศสก็มาได้จุดโทษบ้างเช่นกัน จากจังหวะที่ เนลซอน เซเมโด้ ไปกระแทกใส่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ จนล้มลงไป ก่อนจะเป็น คาริม เบนเซมา รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1 และจบครึ่งแรกด้วยผลนี้ ครึ่งหลังนาทีที่ 47 กลายเป็นฝรั่งเศสมาได้ประตูพลิกขึ้นนำ จากจังหวะที่ ปอล ป็อกบา จ่ายทะลุช่องให้ เบนเซมา หลุดไปยิงด้วยขวาเช็ดเสาเข้าไปอย่างเฉียบคม ซึ่งแม้ว่าจะโดนผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าไปก่อน ทว่าเมื่อผู้ตัดสินมาเช็ค VAR ก็พบว่าไม่ได้ล้ำหน้าแต่อย่างใด ทำให้ตราไก่แซงนำ 2-1 แต่แล้วนาทีที่ 60 โปรตุเกสก็มาได้จุดโทษอีกครั้ง จากจังหวะที่ โรนัลโด้ เปิดบอลไปโดนมือของ ฌูลส์ คุนเด้ และก็เป็น โรนัลโด้ คนเดิมรับหน้าที่สังหารไม่พลาดเช่นเคย ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันอีกครั้งที่ 2-2 และประตูนี้ส่งให้เขาขึ้นไปทาบสถิติยิงในเกมทีมชาติมากสุดในโลกเท่ากับ อาลี ดาอี ที่จำนวน 109 ประตูแล้วด้วย zonedooball.com จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมด้วยผลเสมอแบบสุดมัน 2-2 แบ่งกันไปทีมละแต้ม โดยฝรั่งเศสเก็บได้ 5 แต้ม คว้าแชมป์กลุ่มเอฟและเข้ารอบ 16 ทีมไปพบกับสวิตเซอร์แลนด์ ส่วนโปรตุเกสเก็บได้ 4 แต้ม จบอันดับ 3 ของกลุ่มเอฟ และได้เป็นหนึ่งในทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด โดนจะเข้ารอบ 16 ทีมไปพบกับเบลเยียม
ฝรั่งเศส vs โปรตุเกส
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม โปรตุเกส (4-3-3) : รุย ปาทริซิโอ; เนลซอน เซเมโด้ (ดิโอโก้ ดาโลต์ น.79), เปเป้, รูบาส ดิอาส, ราฟาเอล เกร์เรโร; เชา มูตินโญ (รูเบน เนเวส น.73), ดานิโล เปเรรา (เชา ปาลินญา น.46), เรนาโต้ ซานเชส (แซร์โจ้ โอลิเวรา น.88); แบร์นาร์โด้ ซิลวา (บรูโน แฟร์นันด์ส น.73), คริสเตียโน โรนัลโด้, ดิโอโก้ โชต้า สำรองไม่ได้ใช้ : โชเซ ฟอนต์, อังเดร ซิลวา, แอนโธนี โลเปส, วิลเลียม คาร์วัลโญ, ราฟา ซิลวา, รุย ซิลวา, เชา เฟลิกซ์
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) : อูโก้ โยริส; ฌูลส์ คุนเด้, ราฟาแอล วาราน, เพรสเนล คิมเพมเบ้, ลูคัส แอร์กน็องเดซ (ลูก้าส์ ดีญ น.46 (อาเดรียง ราบิโอต์ น.52)); ปอล ป็อกบา, เอ็นโกโล ก็องเต้; โกร็องแต็ง โตลิสโซ (คิงส์ลีย์ โกมาน น.66), อองตวน กรีซมันน์ (มุสซา ซิสโซโก้ น.87), คีลิยัน เอ็มบัปเป้; คาริม เบนเซมา สำรองไม่ได้ใช้ : แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์, เคลมองต์ ล็องเลต์, โตมาส์ เลอมาร์, โอลิวิเยร์ ชิรูด์, เคิร์ต ซูมา, สตีฟ ม็องด็องด้า, วิสซาม เบน เยดแดร์, ไมค์ เมญอง ใบเหลือง - อูโก้ โยริส น.27, ลูคัส แอร์กน็องเดซ น.36, อองตวน กรีซมันน์ น.39, เพรสเนล คิมเพมเบ้ น.83 สภาพความพร้อมก่อนเกมของทั้งสองทีม โปรตุเกส ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบนรบกวน แนวรับคาดว่าจะใช้ เปเป้ จับคู่กับ รูเบน ดิอาส แดนกลางนำทัพโดย ดานิโล เปเรรา ประสานงานกับ วิลเลียม คาร์วัลโญ แนวรุกใช้ บรูโน แฟร์นันด์ส, ดิโอโก้ โชต้า และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา คอยปั้นเกมอยู่ด้านหลัง คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ฝรั่งเศส จะไม่มี อุสมาน เดมเบเล ที่มีอาการบาดเจ็บ นอกนั้นพร้อมลงสนาม แนวรับคาดว่าจะใช้ ราฟาแอล วาราน จับคู่กับ เพรสเนล คิมเพมเบ้ แดนกลางนำทัพโดย เอ็นโกโล ก็องเต้ ประสานงานกับ อาเดรียง ราบิโอต์ และ ปอล ป็อกบา ขณะที่แนวรุกใช้ อองตวน กรีซมันน์ คอยปั้นเกมอยู่ด้านหลังคู่หัวหอก คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และ คาริม เบนเซมา
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม โปรตุเกส ปาทริซิโอ (GK) เซเมโด้, เปเป้, ดิอาส, เกร์เรโร เปเรรา, คาร์วัลโญ บ.ซิลวา, แฟร์นันด์ส, โชต้า โรนัลโด้ ฝรั่งเศส โยริส (GK) ปาวาร์, วาราน, คิมเพมเบ้, แอร์กน็องเดซ ราบิโอต์, ก็องเต้, ป็อกบา กรีซมันน์ เบนเซมา, เอ็มบัปเป้ ผลงานในนัดที่แล้ว โปรตุเกส พ่าย เยอรมัน แบบเสียฟอร์มเล็กน้อยด้วยสกอร์ 2-4 ขณะที่ ฝรั่งเศส ไล่ตีเสมอ ฮังการี แบบหวุดหวิด 1-1