Site hosted by Angelfire.com: Build your free website today!
ChainOf Love
บทที่ 1

										            อังกฤษ 1768

	เคลย์ คลานลอดใต้พุ่มไม้ลื่นๆ ผมที่จัดทรงไว้อย่างดีคลายตัวลงไปเคลียไหล่ เปียกโชก เด็กหนุ่มดึงเชือกทองที่มัดไว้ตรงปลายผมออก
 แล้วยัดใส่กระเป๋า เอาไว้เพื่อความแน่ใจว่าจะไม่มีการหายตกหล่นไปไหน

	เคลย์กระชับเสื้อให้มั่นก่อนจะคลานต่อ ใบไม้เปียกๆฟาดถูกใบหน้า ฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่บนท้องฟ้ามืดมิด กิ่งไม้หักโครมลงมาอีก เคลย์
ร้องตะโกน แต่เสียงลมก็กลบเสียงเขาจนหมด แถมยังมีเสียงฟ้าร้องตามมาอีกต่างหาก เคลย์โอบแขนรอบลำต้นของต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ เงี่ยหูฟังเสียง
ร้องครวญครางเหมือนใจจะขาดที่ดังแทรกเสียงฟ้าร้อง 

	เขาเงยหน้ามองฟ้า อยากจะยอมแพ้เสียให้รู้แล้วรู้รอด  ทั้งฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และสายฝนกระหน่ำลงบนร่างกายมันช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
กับการนอนขดบนเก้าอี้นวมยาวใต้หน้าต่าง มีหนังสือสักเล่มในมือ และเฝ้ามองสายฝนผ่านกระจกความกระหายทำให้อ้าปากรับฝน ไม่มีเวลารำพึงรำพัน
อะไรทั้งนั้น ความลังเลชักช้า อาจหมายถึงชีวิตของสิ่งซึ่งเป็นที่รัก

	เสียงฟ้าร้องก้องดัง ฟ้าแลบสว่างเห็นถนนเบื้องล่าง พิสูจน์ว่าเคลย์ผิดที่นึกว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงฟ้าร้อง ท้องฟ้ามืดมิดอีกครั้ง เด็กหนุ่ม
ย่ำไปตามเชิงเขาที่เละไปด้วยโคลนตม สายฝนกระหน่ำราวม่านสีเทาทึบจนมองอะไรแทบไม่เห็น

	รถม้าคันหนึ่งจอดอยู่กลางถนนนั่น เคลย์สูดหายใจเมื่อเข้าใจสาเหตุที่รถคันนั้นจอดลงอย่ากระทันหัน

	มันถูกล้อมด้วยเงาตะคุ่มๆของชายบนหลังม้าหกคน อุ้งเท้าม้าตะกายพื้นดินเมื่อชายคนหนึ่งท่าทางเป็นหัวหน้ากลุ่มตะโกนใส่สารถี แม้จะไม่ค่อย
สว่างนักก็ยังมองเห็นว่าหน้าของคนขับรถม้านั้นซีดเป็นไก่ต้ม มีเสียงฟ้าคำรามอีก แต่คราวนี้ไกลออกไป 

	เคลย์จิกเล็บลงบนรากต้นไม้ที่โผล่พื้นดินขึ้นมาเมื่อโจรคนหนึ่งกระชากประตูรถม้าเปิดออก เสียงผู้หญิงร้องกรี๊ดๆไม่หยุด เจ้าหัวหน้าโจรยก
แขนขึ้น แสงฟ้าแลบสะท้อนกระบอกปืนเป็นมันปลาบ แต่ไม่ใช่ปืนหรอกที่ทำให้เคลย์เกิดปฏิกิริยา เจ้าก้อนกลมๆสีเทาปนขาวที่อยู่บนหลังคารถม้าต่างหาก

	"ราอิล!!"เคลย์ร้องตะโกนสุดเสียง

	ความหวาดกลัวทั้งหลายถูกลืมจนหมดสิ้น เคลย์ตะโกนลงจากเนินเขา ครึ่งวิ่ง ครึ่งกลิ้งลื่นไถลลงมาจากเนิน

	เสียงร้องเรียกทำให้ราอิล เคอร์ ชะงัก  หันรีหันขวางอยู่บนหลังม้า มองหาที่มาของเสียงที่ดังปานโลกจะแตก ชื่อของเขาถูกเรียกขานในสถาน
ที่ๆไม่ควรจะมีชื่อ และในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เขาเกือบเชื่อว่านั่นเป็นเสียงของแม่ มันสั่นเครือด้วยความตกใจ และห่วงหาอาวรณ์ยิ่งนัก

	ในเวลาพริบตานั้นเอง คนขับรถม้าก็ฟาดเปรี้ยงเข้าที่หน้าท้องของราอิลด้วยท้ายปืน ปืนในมือลั่น กลิ่นกำมะถันฟุ้งตลบพร้องๆกับที่ร่างของ
ราอิลลอยละลิ่วลงกระแทกพื้น มีเสียงดังกร้อบที่ข้อเท้า เสียงร้องกรี๊ดๆเหมือนคนบ้าของผู้หญิงในรถม้ายังดังต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ตอนนั้นราอิล
นึกเสียดายที่ไม่ยิงหล่อนซะตั้งแต่ทีแรก อีก5คนที่เหลือซึ่งมีหน้ากากปิดบังใบหน้าได้ก้มตัวต่ำ แล้วควบตะบึงหายไปในความมืดบนถนนที่กลายเป็นทะเลโคลน
 สารถียกมือขึ้น ราอิลใจหายวาบ รอรับความตายที่ปืนกระบอกนั้น ทว่า คนขับรถม้ากลับลดมือลงกระชากบังเหียนม้าให้คงที่ เสียงรถม้าควบปุเลงๆไปให้เร็ว
ที่สุดเท่าที่จะทำได้

	ความอ่อนเพลียละเหี่ยใจตามเข้ามา คืนนี้มันลางไม่ดีมาตั้งแต่ต้น เกิดพายุโดยไม่คาดฝัน รถม้าคันแรกที่ถูกเรียกไม่ยอมหยุด แล้วคันต่อมาก็เจอ
สารถีหัวดื้อกับผู้หญิงอ้วนที่แหกปากร้องกรี๊ดเป็นบ้าเป็นหลัง มิหนำซ้ำ ยังมีมนุษย์ลึกลับกำลังวิ่งลงมาจากเนินเขา

	ราอิลพยุงตัวด้วยข้อศอกข้าหนึ่ง เพ่งสายตามองฝ่าสายฝน เด็กผู้ชายคนนั้นนั่งห่างออกไปไม่กี่ฟุต และดูเหมือนจะไม่ยอมรับรู้เกี่ยวกับสายฝน
ที่ตกจั้กๆลงมาบนกางเกงรัดรูปกำมะหยี่สีดำ ผมดกหนาเปียกโชกปรกหน้า ราอิลมองเพลิน เด็กชายเอียงคอเรียกเจ้าขนสัตว์ก้อนกลมๆที่คางของเขาด้วย
ชื่อของราอิล ราอิลตื้นตันขึ้นมาในลำคอเมื่อเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตนเองด้วยความรักใคร่ใยดีปานนั้น แม้แต่ตอนที่แม่คู่สวาทสาวชาวฝรั่งเศสแสนสวยคราง
เรียกเขาขณะกำลังร่วมเสพสมภิรมย์กามกิจอยู่ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความตื้นตันจนถึงขนาดนี้ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆนั้น ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆว่า ราอิลจะรู้สึกอิจฉา
เจ้าแมวน้อยที่ซุกอยู่กับอกของเด็กชายคนนั้น

	"ทำไมทำตัวเหลวไหลแบบนี้ฮึ? ราอิล"
	
	 เด็กชายดุมันเบาๆ ลูบขนแมวที่กำลังตัวสั่นเทา
	
	 "ข้าตามหาเจ้าซะทั่วเลยรู้มั้ย นึกว่าเสร็จเจ้าบอริสซะแล้ว"

	เจ้าลูกแมวร้องเมี้ยวอย่างหยิ่งๆออกมาหนเดียว อ้าปากหาวเสียกว้างราวกับจะพยายามกลืนตัวของมันเองเข้าไปในปากเล็กๆสีชมพู ราอิลอยากให้
มันเป็นอย่างนั้นได้จริงๆ

	ชายหนุ่มกระแอม ละสายตาจากลูกแมวไปยังเด็กชาย ทั้งคู่สบตากัน เด็กชายหรี่ตาลงอย่างไม่ไว้วางใจ 

	มือข้างหนึ่งอุ้มแมว ลุกขึ้นย่ำโคลนมาหาราอิล ก้มลงมองข้อเท้าของเขา 

	"ท่านบาดเจ็บ"

	ราอิลมองข้อเท้าตนเอง
	
	"ใช่"

	เด็กชายคุกเข่า

	"จะตามนายอำเภอให้เอามั้ย? รู้จักกันนะ"

	ราอิลคราง ไม่รู้ว่าวันนี้มันจะซวยไปถึงไหน

	 "เชื่อ…ว่ารู้จัก"


	"ข้ารู้ว่าท่านเป็นใคร"ร่างน้อยกระซิบกระซาบ "ท่านคือจอมโจรดาร์ควูล์ฟ"

	สายตาของเด็กชายเลื่อนมาที่หน้ากากผ้าไหมที่ปิดหน้าของราอิลไว้ครึ่งหนึ่ง ยื่นมือออกมา

	ราอิลคว้าข้อมือไว้ "เรียกข้าว่าจอมโหด"

	เด็กชายเข้าใจคำเตือนของเขา แขนหย่อนลง จอมโหดปล่อยมือ แต่ร่างน้อยยังมิวายชะโงกเข้าไปใกล้เพื่อจะมองหน้าเขาให้ได้ มันทำให้ราอิลประหลาดใจ
ที่หน้าตาของเด็กชายเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สดใส แต่ไม่ยักมีความกลัว เขาน่าจะไล่เด็กคนนี้ไปให้พ้นๆซะ ราอิลนึกในใจ ถ้าเขาไม่เละเทะอยู่กลางถนนแบบนี้ก็ดีหรอก
 แต่นี่จำเป็นต้องให้เด็กชายช่วย

	"ข้าเคยอ่านข่าวท่าน"เด็กชายทำเสียงขนพองสยองเกล้า "อาละวาดจนผู้คนหวาดผวากันทั่วทั้งในฝรั่งเศส เย้ยหยันกระบวนการยุติธรรม ไม่มีนักเดินทาง
คนไหนจะรอดเงื้อมมือท่าน ไม่มีผู้คุ้มกันคนไหนกล้าต่อกรด้วยปล้น จับตัวเรียกค่าไถ่ ข่มขืนและ…"

	"โกงไพ่"ราอิลรีบแย่งพูด กลัวรายการความชั่วร้ายของเขาจะยาวจนไม่มีวันจบ 

	"ข้าอดภูมิใจไม่ได้ที่เจ้ารู้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวข้ามากมายขนาดนี้ แต่สำหรับเวลานี้ ข้าเป็นแค่คนเจ็บที่กำลังนอนตากฝน ปวดหัวแทบตาย และข้อเท้าก็หักด้วย
 มีกระท่อมเล็กๆอยู่บนภูเขาไม่ไกลนัก ช่วยพาข้าไปที่นั่นได้มั้ย"

	เด็กชายชะโงกหน้าเข้ามา ทำตาโต"ท่านจะลักพาตัวข้าเหรอ?"

	"เปล่า"

	เด็กชายทำหน้ามุ่ยอย่างผิดหวัง

              "เอ้าก็ได้ ลักพาก็ลักพา"ราอิลหยิบปืนขึ้นมาจี้เด็กชาย "ไปกับข้า"

	เด็กชายยอมช่วยเหลือเขา แล้วยัดลูกแมวลงในกระเป๋ากางเกง มันร้องเมี้ยวๆดิ้นขลุกขลัก แล้วเด็กชายก็ช่วยประคองราอิลให้ลุกขึ้น

	ราอิลอดแปลกใจในความแข็งแรงของเด็กชายไม่ได้ แม้จะเตี้ยกว่าเขาแค่ช่วงศีรษะ แต่รุปร่างบอบบางจนอดเป้นห่วงไม่ได้ว่าจะมีปัญญาพาเขาไปถึงที่
หมายได้ เพราะตัวราอิลเองก็เดินไม่ถนัด คงล้มระเนระนาดถ้าเด็กชายคนนี้จะไม่กอดเขาเอาไว้แน่นตอนที่ลุยลงไปในลำธารตื้นๆสายนั้น ราอิลหยุดเดินเมื่อรู้สึกว่าคง
ไปต่อไม่ไหวแล้ว พวกเขาตระกองกอดกันราวคู่รัก แขนเด็กชายรัดเอวของราอิล หน้าผากของเขาแนบแก้มร่างน้อย น้ำฝนที่ตกลงมาราวกับจะเชื่อมพวกเขาให้ติด
กันเป็นร่างเดียว

                 "ข้าไปไม่ไหว" ราอิลระบายลมหายใจลงบนเรือนผมของเด็กชายคนนั้น กัดฟันระงับความเจ็บปวด

	   "ทิ้งข้าไว้นี่แล้วกลับไปซะ ก่อนที่เราจะตายด้วยกันทั้งคู่"

	"เหลวไหลน่ะ" เสียงของเด็กชายทำให้เขาสะดุ้ง "ท่านบอกว่ากระท่อมอยู่บนเขาไม่ใช่รึ เราก็ต้องไปให้ถึงสิ ขืนทิ้งท่านไว้ตรงนี้ ข้าจะเป็นคริสเตียนแบบไหน"

	"เป็นคริสเตียนที่ฉลาดไงล่ะ"

	ทางขึ้นเขาลื่นเป็นบ้าเป็นหลัง เต็มไปด้วยใบไม้เปียกๆ หลายต่อหลายครั้งที่ราอิลต้องพยายามยึดรากไม้ดึงตัวเองขึ้นไป พวกเขาเกือบถึงที่หมายอยู่แล้ว
ตอนที่ข้อเท้ามันทำพิษจนลื่นกลับลงมาเหลือครึ่งทาง รู้ตัวว่าหน้ากากหลุดแต่ราอิลก็ไม่สนมันแล้ว เขาแนบแก้มลงกับโคลนเย็นๆ ปล่อยให้ความเกียจคร้านเบื่อหน่าย
เป็นฝ่ายชนะ

	เด็กชายดึงเข็มขัด ปลุกราอิลให้ตื่น ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง เขาโงหัวขึ้นมาตวาด

	"ไปให้พ้น! ปล่อยข้าไว้นี่ ไม่งั้นยิงนะ"

	"ยิงไม่ได้หรอก ปืนท่านอยู่ที่ข้า"

	ราอิลตาสว่างเมื่อเห็นปากกระบอกปืนของตนเอง  มีเด็กหนุ่มคนนั้นคุกเข่าอยู่ข้างหน้า ท่าทางเหมือนเทวดาที่วาดอยู่บนผนังโบสถ์มากกว่าจะเป็นเด็กหนุ่ม
ชาวฝรั่งเศส เสื้อผ้าเปื้อนโคลนเปียกโชกและแนบเนื้อ เผยให้เห็นร่างเพรียวบาง

	"ไม่ใช่เด็กน้อยแล้วแฮะ วัยรุ่นแล้วด้วย"ราอิลคิด

	เด็กหนุ่มส่งมือมาให้เขา "ส่งมือมา"

	ราอิลยิ้มเพลียๆ "จะลักพาตัวข้ารึ ไอ้หนู"

	"จะบ้าเรอะ …ไม่ใช่ไอ้หนู…สุภาพบุรุษต่างหาก" ร่างบางว่า "รีบขึ้นไปข้างบนก่อนที่ข้าจะยิงท่าน"

	ราอิลคอตก เขาไม่เคยรู้เลยว่าการหัวเราะจะทำให้เจ็บได้ขนาดนี้ ชายหนุ่มยื่นมือออกไปโดยไม่เงยหน้า มือเปื้อนโคลนสองมือประสานกัน เขาบีบมือเด็กหนุ่ม
เบาๆทีหนึ่งก่อนจะพากันตะเกียกตะกายขึ้นเขาไปด้วยความทุลักทุเลและเจ็บปวดแสนสาหัส

	
	
   
End Chaptor two to be continue...

1   2    3   4   5   6  

back