
ผู้ดับไม่เหลือ
อย่าเข้าใจ
ไปว่า ต้องเรียนมาก
ต้องปฏิบัติ
ลำบาก จึ่งพ้นได้
ถ้ารู้จริง
สิ่งเดียว ก็ง่ายดาย
รู้ดับให้
ไม่มีเหลือ เชื่อก็ลอง
เมื่อเจ็บไข้
ความตาย จะมาถึง
อย่าพรั่นพรึง
หวาดไหว ให้หม่นหมอง
ระวังให้
ดีดี “นาทีทอง”
คอยจดจ้อง
ให้ตรงจุด หลุดได้ทัน
ถึงนาที
สุดท้าย อย่าให้พลาด
ตั้งสติ
ไม่ประมาท เพื่อดับขันธ์
ด้วยจิตว่าง
ปล่อยวาง ทุกสิ่งอัน
สารพัน
ไม่ยึดครอง เป็นของเรา
ตกกระได
พลอยกระโจน ให้ดีดี
จะถึงที่
มุ่งหมาย ได้ง่ายเข้า
สมัครใจ
ดับไม่เหลือ เมื่อไม่เอา
ก็ดับ”เรา”
ดับตน ดลนิพพาน
|
๔.
การเขียนบทความ และ
การออกวารสารพุทธสาสนา
จากการที่นายยี่เก้ย
ได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนาในต่างประเทศ
จากหนังสือต่างๆ
เป็นจำนวนมาก
ทำให้อยากเผยแพร่ แก่ผู้อื่น
ให้กว้างขวางออกไป
จึงได้นำความคิด จากการอ่าน
มาเขียนเป็นบทความ หรือ
บางทีก็แปลเรื่อง
จากหนังสือที่ได้อ่านแล้ว
ส่งไปลงพิมพ์
ตามนิตยสารต่างๆ เช่น ศรีกรุง
เดลิเมล์ ไทยเขษม เป็นต้น
โดยใช้นามปากกา
ในการเขียนว่า "ธรรมทาส"
นามธรรมทาส
จึงปรากฏสู่สายตามหาชน
และได้เรียกติดปาก
แทนนายยี่เก้ย
มาตั้งแต่บัดนั้น
ในปีถัดมา
คือปี พ.ศ. ๒๔๗๖ นายยี่เก้ย
และมหาเงื่อม
ได้มองเห็นการณ์ไกล
เกี่ยวกับ การเผยแพร่ ความรู้
ด้านศาสนา
จึงได้ตัดสินใจ ตั้งโรงพิมพ์
ธรรมทาน ขึ้น เป็นกิจการหนึ่ง
ของ คณะธรรมทาน เพื่อ
พิมพ์เอกสาร ต่างๆ และ
ออกหนังสือ เพื่อเผยแพร่
งานทางศาสนา
สำหรับหนังสือที่ออก ชื่อ "พุทธสาสนา"
แบ่งออกเป็น รายสามเดือน
เริ่มปีที่ ๑ ฉบับที่ ๑
ในเดือน พฤษภาคม ๒๔๗๖
เรื่องที่ลงพิมพ์ เผยแพร่
ในหนังสือ แบ่งออกเป็น
สามประเภท
ภาคทั่วไป มักเกี่ยวกับ
ความเคลื่อนไหวต่างๆ
ในวงการพุทธศาสนา
ทั้งในและนอกประเทศ
รวมทั้งเรื่องแปล
จากภาษาอังกฤษ บทวิจารณ์
สภาพพุทธศาสนา
อย่างตรงไปตรงมา
ก็อยู่ส่วนนี้ ภาคนี้
อยู่ในความรับผิดชอบ
ของนายธรรมทาส
ผู้เป็นบรรณาธิการ ตามกฏหมาย
ภาคที่สอง
เป็นเรื่องเกี่ยวกับ
พระไตรปิฏกแปลไทย
ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องแปล
แปลกๆ ใหม่ๆ ที่คนมักไม่ค่อย
ได้เห็น ได้ฟัง มาก่อน
และเป็นประโยชน์
ต่อชีวิตจริงๆ ส่วนภาคสุดท้าย
มักจะเป็นเรื่อง
หนทางปฏิบัติ
เพื่อดับทุกข์โดยตรง "ตามรอยพระอรหันต์"
ก็ทยอยลงในส่วนนี้ เป็นตอนๆ
สองภาคหลังนี้ พระมหาเงื่อม
หรือ ท่านพุทธทาส
เป็นผู้ควบคุม
และเขียนเป็นส่วนใหญ่
คนนอกที่เข้าร่วมเขียน
ก็มีบ้าง เช่น สด กูรมะโรหิต,
ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร, วิลาศ
มณีวัต เป็นต้น
๕.
การย้ายกิจการจากพุมเรียง
มายังใกล้สถานีรถไฟไชยา
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๘
ที่ว่าการอำเภอไชยา
ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลพุมเรียง
ได้ย้ายมาตั้งที่ ตลาดไชยาในปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงที่ตั้งของอำเภอครั้งนี้
ทำให้กิจการของคณะธรรมทาน
ซึ่งประกอบด้วย สำนักงาน
ห้องธรรมทาน ห้องอ่านหนังสือ
และ ห้องประชุมฟังธรรม
ได้มาตั้งที่ริมทางรถไฟ
ใกล้สถานีไชยาด้วย ทั้งนี้
เพื่อให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของชุมชน
ที่เกิดขึ้นใหม่อย่างรวดเร็วนั่นเอง
กล่าวคือ
หลังจากที่ว่าการอำเภอไชยา
ย้ายมาตั้งในสถานที่ใหม่
แล้ว
ก็เริ่มเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ความเจริญที่พุมเรียงชะงักลงอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่ คณะธรรมทาน
ย้ายมาตั้งอยู่ที่
ใกล้สถานีรถไฟไชยาแล้ว
ได้มีประชาชนที่สนใจ
เกี่ยวกับกิจการของ
คณะธรรมทาน
เข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มมากขึ้น
กิจการของคณะธรรมทาน
ก็คึกคัก มากขึ้นตามลำดับ
บทความในวารสาร
พุทธสาสนา ปีที่ ๖๘ เล่ม ๓
พุทธศักราช ๒๕๔๓ ฉบับพิเศษ
สดุดีครูธรรมทาส พานิช
เขียนโดย ชวน เพชรแก้ว พ.ศ.
๒๕๒๘
|
|