สิทธิของข้าราชการทหารในขณะประจำการยามปกติ
เครื่องแบบทหารบกชาย
- เครื่องแบบพลทหาร มี 5 ชนิด
- เครื่องแบบปกติ
- เครื่องแบบฝึก
- เครื่องแบบสนาม
- เครื่องแบบครึ่งยศ
- เครื่องแบบเต็มยศ
- เครื่องแบบนักเรียนนายสิบและทหารประทวน
มี 8 ชนิด
- เครื่องแบบปกติขาว
- เครื่องแบบปกติกากีแกมเขียวคอแบะ
- เครื่องแบบปกติกากีแกมเขียวคอพับ
- เครื่องแบบปกตินวลแกมเขียวคอพับ
- เครื่องแบบฝึก
- เครื่องแบบสนาม
- เครื่องแบบครึ่งยศ
- เครื่องแบบเต็มยศ
- เครื่องแบบนักเรียนนายร้อย
มี 9 ชนิด
- เครื่องแบบปกติขาว
- เครื่องแบบปกติกากีแกมเขียวคอแบะ
- เครื่องแบบปกติกากีแกมเขียวคอพับ
- เครื่องแบบปกตินวลแกมเขียวคอพับ
- เครื่องแบบฝึก
- เครื่องแบบสนาม
- เครื่องแบบครึ่งยศ
- เครื่องแบบเต็มยศ
- เครื่องแบบสโมสร
เครื่องแบบทหารบกหญิง มี 12
ชนิด
- เครื่องแบบปกติขาว
- เครื่องแบบปกติกากีแกมเขียวคอแบะ
- เครื่องแบบปกติกากีแกมเขียวคอปก
- เครื่องแบบปกติขาวคอปก
- เครื่องแบบปกติกากีนวลแกมเขียวคอปก
- เครื่องแบบปกติกากีนวลแกมเขียวคอพับ
- เครื่องแบบปกติขาวคอพับ
- เครื่องแบบฝึก
- เครื่องแบบสนาม
- เครื่องแบบครึ่งยศ
- เครื่องแบบเต็มยศ
- เครื่องแบบสโมสร
เงินเพิ่มพิเศษต่าง
ๆ
- เงินเพิ่มพิเศษรายเดือนสำหรับค่าวิชา
(พ.)
- เงินเพิ่มพิเศษสำหรับการสู้รบ
(พ.ส.ร.)
- เงินเพิ่มนักโดดร่มประจำกอง
(พ.ต.ร.)
- เงินเพิ่มนักโดดร่มสำรอง (พ.ด.ส.ร.)
- เงินเพิ่มนักบินลองเครื่อง
(พ.ล.ค.)
- เงินเพิ่มครูการบิน (พ.ค.บ.)
- เงินเพิ่มนักบินประจำกอง (พ.น.บ.)
- เงินเพิ่มนักบินสำรอง (พ.น.บ.ส.)
- เงินเพิ่มศิษย์การบินชั้นมัธยม
(พ.ศ.ม.)
- เงินเพิ่มศิษย์การบินชั้นประถม
(พ.ศ.ป.)
- เงินเพิ่มผู้ทำการบนอากาศยานเป็นประจำ
(พ.ป.อ.)
- เงินเพิ่มผู้ปฏิบัติงานทำลายวัตถุระเบิดเป็นประจำ
(พ.ท.ล.)
- เงินเพิ่มสำหรับข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ
(พ.ข.ต.)
- เงินเพิ่มพิเศษค่าภาษามลายู
(พ.ภ.ม.)
- เงินเบี้ยกันดาร
- เงินเพิ่มพิเศษผู้บังคับอากาศยาน
เงินประจำตำแหน่ง
- เงินประจำตำแหน่งประเภทผู้บริหาร
- เงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะ
- เงินประจำตำแหน่งประเภทผู้เชียวชาญเฉพาะ
- เงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการ
- เงินประจำตำแหน่งประเภทตุลาการพระธรรมนูญและพระอัยการทหาร
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบและเครื่องหมายเชิดชูเกียรติยศอย่างสูงแก่ผู้ได้รับพระราชทาน
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก
และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก
และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย
พ.ศ. 2536
1.1 ชั้นที่ 7
เหรียญเงินมงกุฎไทย (ร.ง.ม.)เหรียญเงินช้างเผือก
(ร.ง.ช.)
1.2 ชั้นที่ 6
เหรียญทองมงกุฎไทย (ร.ท.ม.)เหรียญทองช้างเผือก
(ร.ท.ช.)
1.3 ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
(บ.ม.)เบญจมาภรณ์ช้างเผือก (บ.ช.)
1.4 ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
(จ.ม.)จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.)
1.5 ชั้นที่ 3 ตริยาภรณ์มงกุฎไทย
(ต.ม.)ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)
1.6 ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
(ท.ม.)ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)
1.7 ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย
(ป.ม.)ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
1.8 ชั้นสูงสุดมหาวชิรมงกุฎไทย
(ม.ว.ม.)
1.9 ชั้นสูงสุดมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก
(ม.ป.ช.)
การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ต่ำกว่าชั้นสายสะพาย
ยศ |
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ |
ส.ต.
ส.ท.
ส.อ.
จ.ส.ต. จ.ส.อ.
จ.ส.อ. (พิเศษ)
ร.ต. (น.1 ชั้น 1-2)
ร.ต. (น.1 ชั้น 3)
ร.ท.
ร.อ.
พ.ต.
พ.ท.
พ.อ.
พ.อ.(พิเศษ) |
ร.ง.ม. กรณีพิเศษ
ร.ง.ช. กรณีพิเศษ
ร.ท.ม. กรณีพิเศษ
ร.ท.ช. กรณีพิเศษ
ร.ท.ช. จ.ม. 5 ปี
บ.ม. บ.ช. 5 ปี
จ.ม.
จ.ม.
จ.ช.
ต.ม.
ต.ช.
ท.ม.
ท.ช. |
ชั้นสายสะพาย
ยศ |
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ |
หลักเกณฑ์ |
พ.อ.(พิเศษ) กรณีเกษียณ |
ท.ช. ป.ม. 5 ปี |
- ขอปีเกษียณหรือปีก่อนเกษียณ
- เงินเดือนเต็มขั้น
- ตำแหน่งผู้บังคับบัญชา
|
พ.อ.(พิเศษ) |
ท.ช. ป.ม. 3 ปี |
- เงินเดือนขั้นต้นของ พล.ต.
- ตำแหน่ง รอง จก.,รอง ผบ.พล.หรือเทียบเท่า
|
พล.ต. |
ท.ช. ป.ม. 3 ปี
ป.ม. ป.ช. 3 ปี
ป.ช. ม.ว.ม. 5 ปี |
- กรณีเกษียณ
ขอปีติดกันได้ แต่ไม่เกิน
ป.ช.
-
|
พล.ท. |
ป.ม. ป.ช. 3 ปี
ป.ช. ม.ว.ม. 3 ปี
ม.ว.ม. ม.ป.ช. 5 ปี |
- กรณีเกษียณ
ขอปีติดกันได้ แต่ไม่เกิน
ม.ว.ม.
-
|
พล.อ. |
ป.ม. ป.ช. 3 ปี
ป.ช. ม.ว.ม. 3 ปี
ม.ว.ม. ม.ป.ช. 3 ปี |
|
หมายเหตุ.-
- ขอครั้งแรกต้องมีเวลารับราชการครบ
5 ปีบริบูรณ์
ถึงวันก่อนวันเฉลิมพระชนมพรรษาไม่น้อยกว่า
60 วัน
ผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนทหาร
ให้นับเวลาราชการตั้งแต่วันขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการในระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียน
- ขอปีเว้นปีตามชั้นยศ
ค่าเช่าบ้าน
หลักเกณฑ์
ย้ายไปรับราชการต่างท้องที่
มีสิทธิเบิกได้เว้น
- บรรจุครั้งแรก
- ทางราชการจัดให้แล้ว
- มีบ้านเป็นของตนเอง
หรือของภรรยาอยู่ในท้องที่นั้น
ท้องที่ กทม.ทุกเขต
ถือเป็นท้องที่เดียวกัน
ต่างจังหวัด ถือว่า
อำเภอหรือกิ่งอำเภอเป็นท้องที่เดียวกัน
เมื่อได้รับสิทธิค่าเช่าบ้านแล้ว
สามารถเช่าซื้อได้โดยมีเงื่อนไข
- ผ่อนได้หลังเดียวภายในท้องที่นั้น
- ผ่อนกับสถาบันการเงินที่กระทรวงการคลังกำหนด
- ไม่เคยใช้สิทธิในการเช่าซื้อ
ในท้องที่นั้นมาก่อน
อัตราค่าเช่าบ้านในปัจจุบัน
ตั้งแต่เดือนละไม่เกิน 800
บาทถึง 4000 บาท
การลา
- ระเบียบ ทบ.ว่าด้วยการลา 2536
- การเสนอใบลาให้เสนอต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้ที่มีอำนาจให้ลา
- การนับวันลากิจและลาพักผ่อนประจำปี
นับเฉพาะวันทำการ
- การลาป่วยหรือลากิจ
ซึ่งมีระยะเวลาต่อเนื่องกัน
จะเป็นปีเดียวกันหรือไม่ก็ตาม
ให้นับเป็นการลาครั้งหนึ่ง
- หากจะยกเลิกวันลาที่ยังไม่ได้หยุดราชการ
ให้เสนอถอนวันลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้ที่มีอำนาจอนุญาตการลาป่วย
ในรอบปีงบประมาณ (1 ต.ค.- 30 ก.ย.
ปีถัดไป)
- ลาป่วยได้ไม่เกิน 90 วัน
- ป่วยจาก ไอพิษ วัตถุมีพิษ
วัตถุระเบิดหรือเชื้อโรคร้ายแรง
ลารักษาตัวต่อได้ไม่เกิน 180
วัน (รวม 270 วัน)
- จากการปฏิบัติหน้าที่ในอากาศ
ใต้น้ำ ใต้ดิน การรบ ฯลฯ
หน้าที่พิเศษหรืออนุมัติจาก
ร.ม.ว. กห. จะลาได้ไม่เกิน 365
วัน ถ้าไม่หาย
เข้าหลักเกณฑ์ได้รับสงเคราะห์ตามกฎหมาย
ลารักษาตัวต่อได้
แต่ต้องไม่เกิน 1 ปี
แต่ถ้าระยะเวลา 1 ปี
ไม่เพียงพอคณะรัฐมนตรีจะอนุญาตให้ลาต่ออีกก็ได้
ลาคลอดบุตร ลาได้ 90 วัน
โดยไม่รับเงินเดือน
ไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์
- ลากิจเพื่อเลี้ยงดูบุตรได้
150 วัน
โดยไม่ได้รับเงินเดือน
ลากิจ รอบปีงบประมาณ (1 ต.ค.- 30
ก.ย. ปีถัดไป) ไม่เกิน 45
วันทำการ
- ลากิจไปประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศไทย
เช่น พม่า ลาว กัมพูชา
ไม่เกิน 45 วันทำการ
- ลากิจไปทวีปเอเชีย
ไม่เกิน 50 วันทำการ
- ในทวีปอื่นๆ
นอกเหนือจากเอเชีย ไม่เกิน
55 วันทำการ
ลาพักผ่อน รอบปีงบประมาณ (1
ต.ค.- 30 ก.ย. ปีถัดไป) ไม่เกิน 10
วันทำการ
- ถ้า 2 ปี ไม่ได้ลาเลย
สะสมวันลาได้ 20 วันทำการ
- ถ้ารับราชการเกิน 10 ปี
ไม่ได้ลาติดต่อกัน 2 ปี
สะสมวันลาได้ไม่เกิน 30
วันทำการ
- บรรจุไม่ครบ 6 เดือน
ไม่มีสิทธิลาพักผ่อน
- การลากิจ
ลาพักผ่อนประจำปีไปต่างประเทศ
เสนอเรื่องถึง กพ.ทบ.ก่อนเดินทางอย่างน้อย
15 วัน
ลาอุปสมบท
- ลาบวชกรณีพิเศษอย่างน้อย 15
วัน กพ.ทบ. ดำเนินการ
- ลาบวช 120 วัน หรือ 1 พรรษา สบ.ทบ.ดำเนินการ
และเมื่อได้รับอนุมัติแล้ว
ต้องอุปสมบทใน 10 วัน
นับตั้งแต่วันเริ่มลา
ลาไปประกอบพิธีฮัจย์
- ลาได้ 120 วัน เสนอเรื่องถึง
กพ.ทบ. ก่อน 30 วัน
- ออกเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ภายใน
10 วัน นับตั้งแต่วันเริ่มลา
การครองยศ(สัญญาบัตร)
การนับจำนวนปีที่รับราชการในชั้นยศนายทหารสัญญาบัตร
คุณวุฒิ |
ร.ต.
ปี |
ร.ท.
ปี |
ร.อ.
ปี |
พ.ต.
ปี |
พ.ท.
ปี |
พ.อ.
ปี |
พ.อ.
(พ) ปี |
-
เลื่อนฐานะ,ปริญญาตรีชั้น 1 หรือไม่ตรงตามวุฒิ
-
ปริญญาตรีต่างประเทศ เงินเดือนต่ำกว่าไทย
-
ปริญญาตรี 4 ปี
-
ปริญญาตรี 5 ปี
-
ปริญญาตรีทันตแพทย์หรือสัตวแพทย์ หรือสถาปัตย์ 6 ปี
-
ปริญญาตรีแพทย์ศาสตร์
-
ปริญญาตรีแพทย์ศาสตร์กับวุฒิบัตร(แพทย์เฉพาะทาง)
-
ปริญญาโท 6 ปี
-
ปริญญาโท 7 ปี
-
ปริญญาโท 8 ปี
-
ปริญญาเอก
โรงเรียนทหารในประเทศ
-
หลักสูตร 3 ปี
-
หลักสูตร 4 ปี
-
หลักสูตร 5 ปี
โรงเรียนทหารในต่างประเทศ
-
หลักสูตร 2 ปี
-
หลักสูตร 3 ปี
-
หลักสูตร 4 ปีขึ้นไป
|
|
|
|
|
|
|
|
การนับจำนวนปีที่รับราชการในชั้นยศประทวน
|
|
|
|
|
- ไม่ตรงคุณวุฒิ
|
2 ปี 8 เดือน
|
2 ปี
|
3 ปี
|
|
-
นร.นายสิบซึ่งต่อจาก ม.3 หรือเทียบเท่า
-
1 ปี
-
2 ปี
-
3 ปี
-
4 ปี
|
1 ปี 8 เดือน
8 เดือน
8 เดือน
8 เดือน
|
3 ปี
3 ปี
3 ปี
3 ปี
|
3 ปี
3 ปี
3 ปี
3 ปี
|
ชั้นยศละ 1 ปี
ชั้นยศละ 1 ปี
ชั้นยศละ 1 ปี
ชั้นยศละ 1 ปี
|
-
นร.นายสิบซึ่งต่อจาก ม.6 หรือเทียบเท่า
-
1 ปี
-
2 ปี
|
8 เดือน
8 เดือน
|
2 ปี
1 ปี
|
3 ปี
3 ปี
|
ชั้นยศละ 1 ป
ีชั้นยศละ 1 ปี
|
-
ประกาศนียบัตรวิชาพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย
-
ทบ.ทร.ทอ.ซึ่งมีหลักสูตรไม่น้อยกว่า 4 ปี
-
ต่อจากจบ ม.3 หรือเทียบเท่า
|
1 ปี 8 เดือน
|
1 ปี
|
3 ปี
|
ชั้นยศละ 1 ปี
|
-
พลทหารกองหนุน ประเภทที่ 1 ม.3 ขึ้นไป และส.ต.กองประจำการ
-
ซึ่งมีขั้นความรู้วิชาสามัญหรือวิชาพิเศษ (เช่นพลขับ)
|
1 ปี 8 เดือน
|
3 ปี
|
3 ปี
|
ชั้นยศละ 1 ปี
|
-
ประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่าเปรียญธรรมประโยคหก,เจ็ด,แปด,
-
หรือผู้ช่วยพยาบาล ทบ.ทร.ทอ.ซึ่งมีหลักสูตร 1 ปี ต่อจาก ม.3 หรือเทียบเท่า
|
1 ปี 8 เดือน
|
3 ปี
|
3 ปี
|
ชั้นยศละ 1 ปี
|
-
ประกาศนียบัตรวิชาชีพต่อจาก ม.3 หรือเทียบเท่า(ปวช.)
-
1 ปี
-
2 ปี
-
3 ปี
|
1 ปี 8 เดือน
8 เดือน
8 เดือน
|
3 ปี
3 ปี
2 ปี
|
3 ปี
3 ปี
3 ปี
|
ชั้นยศละ 1 ปี
ชั้นยศละ 1 ปี
ชั้นยศละ 1 ปี
|
-
ประกาศนียบัตรวิชาชีพต่อจาก ม.6 หรือเทียบเท่า (ปวท.ปวส.)
-
1 ปี
-
2 ปี
|
8 เดือน
8 เดือน
|
3 ปี
2 ปี
|
3 ปี
3 ปี
|
ชั้นยศละ 1 ปี
ชั้นยศละ 1 ปี
|
-
นร.ดุริยางค์ ของ ทบ.ทร.ทอ.ซึ่งต่อจาก ป.6 ไป 5 ปี หรือเทียบเท่า
|
1 ปี 8 เดือน
|
3 ปี
|
3 ปี
|
ชั้นยศละ 1 ปี
|
หมายเหตุ.-
การแต่งตั้งยศโดยปกติให้แต่งตั้งยศเป็น
ส.ต.ก่อน
ยกเว้นบุคคลดังต่อไปนี้เป็น
จ.ส.ต.
- นร.นายสิบ ซึ่งมีหลักสูตร 3
ปี ต่อจาก ม.ปลาย
- ผู้ได้รับอนุปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพเทียบเท่าอนุปริญญาทั้งในและต่างประเทศ
- ผู้ได้รับปริญญาจากต่างประเทศ
ซึ่งเทียบเท่าอนุปริญญาในประเทศไทย
- ต้องครองอัตรา จ.ถ้าครองอัตรา
ส.อ.ให้รับราชการในชั้นยศ ส.ต.8
เดือน ส.ท.1 ปี และ ส.อ.3 ปี
เรื่องควรรู้เกี่ยวกับเบี้ยหวัด
บำเหน็จ บำนาญ
- เบี้ยหวัด
นายทหารสัญญาบัตร
- มีเวลาราชการไม่น้อยกว่า 1
ปี บริบูรณ์ (รวมวันทวีคูณ)
- ออกจากราชการเป็นนายทหารกองหนุน
โดยมีอายุกองหนุนตามยศ
ดังนี้
ยศ |
กองหนุน
(อายุไม่เกิน) |
นอกราชการ
(อายุไม่เกิน) |
พ้นราชการ |
ร.ต. - ร.อ.
พ.ต. พ.อ.
พ.อ. - นายพล |
45
50
55 |
5
60
65 |
ปรับย้ายประเภทใน 1ม.ค.ของปีถัดไปที่อายุครบเกณฑ์ตามชั้นยศ |
หมายเหตุ.-
หน่วยต้นสังกัดครั้งสุดท้ายเมื่อออกจากราชการ
ร.ต.-พ.อ. สังกัด จทบ. นายพล
สังกัด สป.
นายทหารประทวน
และพลอาสาสมัคร
- มีเวลาราชการต่อจากกองประจำการไม่น้อยกว่า
1 ปี บริบูรณ์ (ไม่รวมวันทวีคูณ
แต่เมื่อมีสิทธิแล้วถึงจะนำไปรวมคิดคำนวณเบี้ยหวัด)
- ออกจากราชการยังไม่พ้นกองหนุนชั้นที่
2 โดยมีอายุกองหนุนดังนี้
2.2 กองประจำการ 2 ปี
2.3 กองหนุนชั้นที่ 1 7 ปี
2.4 กองหนุนชั้นที่ 2 10 ปี
- นายทหารประทวนที่แต่งตั้งจากข้าราชการ
กห.อายุไม่เกิน 39 ปี
บริบูรณ์ (ในกรณีขึ้นทะเบียนกองประจำการเมื่ออายุเกิน
21 ปี บริบูรณ์แล้ว)
หมายเหตุ.-
1. กรณีข้าราชการอายุ 18
ปีบริบูรณ์
เริ่มนับเวลาราชการตั้งแต่ 1
ม.ค.ของปีที่อายุครบ 18
หรือนับตั้งแต่วันที่มีอายุครบ
18 ปีบริบูรณ์ (กรณีของข้าราชการ
กห.พลเรือน)
- การย้ายประเภทจะย้ายในวันที่
1
ของเดือนที่ขึ้นทะเบียนกองประจำการ
เกณฑ์คำนวณเบี้ยหวัด
1. เวลาราชการไม่ถึง 15 ปี
15 x
เงินเดือนเดือนสุดท้าย / 50
2. ตั้งแต่ 15 ไม่ถึง 25 ปี
25 x
เงินเดือนเดือนสุดท้าย / 50
3. ตั้งแต่ 25 ไม่ถึง 30 ปี
30 x
เงินเดือนเดือนสุดท้าย / 50
4. ตั้งแต่ 30 ไม่ถึง 35 ปี
35 x
เงินเดือนเดือนสุดท้าย / 50
5. ตั้งแต่ 35 ไม่ถึง 40 ปี
40 x
เงินเดือนเดือนสุดท้าย / 50
6. ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป
เวลาราชการ x
เงินเดือนเดือนสุดท้าย / 50
หมายเหตุ.-
- เบี้ยหวัดต้องไม่เกินเงินเดือน
เดือนสุดท้าย
- ถ้าอายุอยู่ในเกณฑ์รับเบี้ยหวัด
จะขอรับบำเหน็จ
บำนาญไม่ได้
- เงินเดือน ให้หมายรวมถึง
เงินเพิ่มพิเศษที่จ่ายควบกับเงินเดือน
(หมวด 100)
เว้นเงินประจำตำแหน่ง
และอื่นๆ ที่กำหนดโดย
กระทรวงการคลัง
- บำเหน็จ บำนาญ ปกติ
ผู้มีสิทธิในบำเหน็จ
บำนาญปกติ
จะต้องเป็นผู้ที่ออกจากราชการด้วยเหตุ
4 ประการ ดังนี้
- เหตุทดแทน
ได้แก่
ผู้ที่ทางราชการให้ออกจากราชการเนื่องจากเลิกหรือยุบตำแหน่ง
ให้ออกโดยไม่มีความผิด เช่น
ลาป่วยเกินกำหนด
กำลังพลเสื่อม
- เหตุทุพพลภาพ
ได้แก่ผู้ที่ลาออกหรือทางราชการให้ออกเพราะเหตุพิการทุพพลภาพหรือมีโรคขัดต่อการรับราชการทหาร
ซึ่งแพทย์ลงความเห็นไม่สามารถรับราชการต่อไปได้
- เหตุสูงอายุ ได้แก่
- ผู้เกษียณอายุ
- ลาออกจากราชการเมื่ออายุครบ
50 ปีบริบูรณ์
- เหตุรับราชการนาน ได้แก่
- กรณีลาออก
โดยมีเวลาราชการครบ 25
ปีบริบูรณ์
- กรณีทางราชการให้ออก
มีเวลาราชการครบ 30
ปีบริบูรณ์
บำเหน็จ
สิทธิในบำเหน็จต้องอยู่ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไข
ดังนี้
- ทางราชการให้ออก
โดยไม่มีความผิดมีเวลาราชการตั้งแต่
1 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่ถึง 10
ปีบริบูรณ์ (ยกเว้น 9 ปี 6
เดือน)
- ลาออก
มีเวลาราชการตั้งแต่ 10
ปีบริบูรณ์ แต่ไม่ถึง 25
ปีบริบูรณ์
- ทหารกองหนุนมีเบี้ยหวัดย้ายประเภท
กรณีที่ผู้ที่มีเวลาราชการไม่ถึง
10 ปีบริบูรณ์ (ยกเว้น 9 ปี 6
เดือน)
- ผู้มีสิทธิในบำนาญ
แต่ขอเปลี่ยนเป็นรับบำเหน็จแทน
บำนาญ สิทธิในบำนาญ
อยู่ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไข
ดังนี้
- ทางราชการให้ออก
โดยไม่มีความผิด
มีเวลาราชการตั้งแต่ 10
ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- ลาออก
- มีเวลาราชการตั้งแต่ 25
ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- มีเวลาราชการตั้งแต่ 10
ปีขึ้นไป และมีอายุครบ 50
ปี บริบูรณ์
สิทธิในบำเหน็จบำนาญ
- บำเหน็จบำนาญ มี 3 ประเภท
- บำเหน็จบำนาญปกติ
เป็นเงินตอบแทนความชอบที่ไดรับราชการมา
โดยบำนาญจ่ายเป็นรายเดือนและบำเหน็จจ่ายเป็นเงินก้อนเดียว
- บำเหน็จตกทอด
จ่ายให้เมื่อข้าราชการประจำการ
ข้าราชการบำนาญและทหารกองหนุนมีเบี้ยหวัดตาย
- ข้าราชการประจำการตาย
เท่ากับ
เงินเดือนเดือนสุดท้าย x
เวลาราชการ
แล้วแบ่งจ่ายให้ทายาทตาม พ.ร.บ.
- ข้าราชการบำนาญตาย
เท่ากับ 30 เท่าของเงินบำนาญ
แล้วแบ่งให้ทายาทตาม พ.ร.บ.
สาเหตุการตาย มี 2 ประการ คือ
- เหตุปกติ
คือเป็นโรคหรือเจ็บป่วยตาย
- เหตุผิดธรรมชาติ คือ
อุบัติเหตุกระทำหรือถูกกระทำถึงแก่ความตาย
ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจากความประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงของตนเอง
- บำนาญพิเศษ
จ่ายเป็นรายเดือนให้แก่ผู้ที่ได้รับอันตราย
ป่วยเจ็บถึงทุพพลภาพ
และกรณีถึงแก่ความตายเพราะเหตุปฏิบัติหน้าที่ราชการ
หรือถูกประทุษร้าย
เพราะเหตุกระทำตามหน้าที่ซึ่งเหตุอันตราย
ป่วยเจ็บจากการประทุษร้ายนั้น
ไม่ได้เกิดนจากความประมาทเลินเล่อหรือความผิดของตนเอง
เกณฑ์การแบ่งส่วน
บำเหน็จตกทอด (แบ่งจ่ายครั้งเดียว)
1. บิดา มารดา 1 ส่วน
2. คู่สมรส 1 ส่วน
3. บุตร 2 ส่วน มี 3 คนขึ้นไป 3
ส่วน
บำนาญพิเศษ
1. บิดา มารดา 1 ส่วน (ตลอดชีพ)
2. คู่สมรส 1 ส่วน (ตลอดชีพ)
3. บุตร 2 ส่วน มี 3 คนขึ้นไป 3
ส่วนให้ได้รับถึงอายุ 20
ปีบริบูรณ์
เว้นศึกษาชั้นอุดมศึกษาให้รับถึง
25 ปีบริบูรณ์
การขอพระราชทานเพลิงศพ
การขอพระราชทานเพลิงศพกรณีปกติ
(ข้าราชการประจำการและนอกประจำการ)
หลักฐาน
- คำขอพระราชทานเพลิงศพ
หน่วย หรือทายาท เป็นผู้ขอ
- สำเนาใบมรณบัตร จำนวน 2
ฉบับ
- สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 2
ฉบับ
- สำเนาราชกิจจานุเบกษาเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับ
จำนวน 2 ฉบับ
การดำเนินการ
- ขอรับคำขอพระราชทานเพลิงศพได้ที่
แผนกพิธีการ
กองการสารบรรณ สบ.ทบ.
- สบ.ทบ.
เป็นผู้ดำเนินการขอพระราชทานเพลิงศพ
โดยทำหนังสือถึง
สำนักงานพระราชวัง (แผนกพิธีการ
กองพระราชพิธี)
การขอพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ
ซึ่งผู้เสียชีวิตเป็น บิดา
มารดา ของข้าราชการทหาร
หลักฐาน
- เขียนคำขอพระราชทานเพลิงศพ
ซึ่งมียศตั้งแต่ พ.ท.ขึ้นไป
- สำเนาใบมรณบัตร (นำฉบับจริงไปด้วย)
- สำเนาทะเบียนบ้าน (นำฉบับตัวจริงไปด้วย)
- สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ
(บุตรผู้ขอ)
- ประวัติย่อของผู้ตาย
การขอกองทหารเกียรติยศ
หลักฐาน
- ข้อบังคับ กห.ว่าด้วยการจัดกองทหารเกียรติยศ
พ.ศ.2528 ข้อ 4.11
กองเกียรติยศจัดสำหรับศพทหารซึ่งเสียชีวิตในขณะประจำการ
- ระเบียบ ทบ.ว่าด้วยการจัดกองทหารเกียรติยศสำหรับศพนายทหารนอกประจำการ
พ.ศ.2538
- การดำเนินการ
รวบรวมเอกสารเสนอ กพ.ทบ.ก่อนอย่างน้อย
15 วัน
- หลักฐานประกอบ
- สำเนาประวัติ
- สำเนามรณบัติ
- การ์ดงานศพ
หลักเกณฑ์
นายทหารนอกประจำการที่สามารถขอกองทหารเกียรติยศศพ
- ผู้ได้รับพระราชทานโกศบรรจุศพ
- ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น
ป.ม.ขึ้นไป
- ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี
- ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญกล้าหาญ
หรือเหรียญดุษฎีมาลาเข็มกล้าหาญ
- ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน
ชั้นที่ 1
หากเสียชีวิตจากการกระทำอันส่อไปในทางเสื่อมเสียชื่อเสียง
หากจัดกองเกียรติยศ
การขอต้องขอล่วงหน้าก่อนวันปฏิบัติ
ไม่น้อยกว่า 15 วัน
การจัดกำลัง
- พลทหาร และนนส.จัดกำลัง 1
หมู่ ถือปืนเล็กล้วน
มีแตรเดี่ยว
- นายทหารชั้นประทวนและนักเรียนนายร้อย
จัดกำลัง 1 หมวด
ถือปืนเล็กล้วนมีแตรเดี่ยว
- นายทหารชั้นนายร้อย
จัดกำลังกึ่งกองร้อย
ถือปืนเล็กล้วน
มีแตรเดี่ยว
- นายทหารชั้นนายพันขึ้นไป
จัดกำลัง 1 กองร้อย
ถือปืนเล็กล้วน
มีแตรเดี่ยว หรือแตรวง (ถ้ามี)
การแต่งกาย
เครื่องแบบฝึก สวมถุงมือ
ถ้าศพทหาร
ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
- พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จ
บำนาญข้าราชการ 2539
- ข้าราชการที่บรรจุเข้ารับราชการตั้งแต่
27 มี.ค.40
จะต้องเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการทุกคน
สำหรับผู้ที่บรรจุเข้ารับราชการก่อน
27 มี.ค.40
สามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนหรือไม่ก็ได้
แต่ถ้าสมัครใจจะเข้ากองทุน
จะต้องสมัครภายใน 26 มี.ค.40
สิทธิประโยชน์ที่สมาชิกจะได้รับ
- เงินประเดิม 2 เปอร์เซ็นต์
ของเงินเดือน
โดยรัฐจ่ายให้กองทุน
เริ่มตั้งแต่วันเข้ารับราชการถึงวันสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุน
(เฉพาะผู้ที่บรรจุเข้ารับราชการก่อน
27 มี.ค.40)
- เงินชดเชย 2 เปอร์เซ็นต์
ของเงินเดือน
โดยรัฐจ่ายให้กองทุน
เริ่มตั้งแต่วันสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุน
ถึงวันลาออกหรือเกษียณอายุ
(เฉพาะผู้ที่บรรจุเข้ารับราชการก่อน
27 มี.ค.40)
- เงินสะสม 3 เปอร์เซ็นต์
ของเงินเดือน
เริ่มตั้งแต่วันที่สมัครเข้าเป็นสมาชิก
(เฉพาะผู้ที่บรรจุเข้ารับราชการก่อน
27 มี.ค.40ประสงค์ฝากเงินสะสมหรือไม่ก็ได้)
บรรจุเข้ารับราชการก่อน 27
มี.ค.40
ต้องฝากเงินสะสมทุกคน
- เงินสมทบ 3 เปอร์เซ็นต์
โดยรัฐจ่ายให้กองทุน
เริ่มตั้งแต่วันที่สมัครเข้าเป็นสมาชิก(เฉพาะผู้ที่บรรจุเข้ารับราชการก่อน
27 มี.ค.40
ถ้าฝากเงินสะสมจะได้รับเงินสมทบนี้)
- กรณีสมาชิกขอรับบำเหน็จ
จะได้รับ
- เงินสะสม รวมผลประโยชน์
- เงินสมทบ รวมผลประโยชน์
- บำเหน็จ =
เงินเดือนเดือนสุดท้าย x
เวลาราชการ
- กรณีสมาชิกขอรับบำนาญ
จะได้รับ
- เงินประเดิม
รวมผลประโยชน์ (เฉพาะผู้บรรจุก่อน
27 มี.ค.40)
- เงินชดเชย รวมผลประโยชน์
(เฉพาะผู้บรรจุก่อน 27 มี.ค.40)
- เงินสะสม รวมผลประโยชน์
- เงินสมทบ รวมผลประโยชน์ (เฉพาะผู้บรรจุก่อน
27 มี.ค.40)
- บำนาญเป็นรายเดือน =
เงินเดือนเฉลี่ย 60
เดือนสุดท้าย x เวลาราชการ
/ 50
แต่ต้องไม่เกิน 70
เปอร์เซ็นต์
ของเงินเดือนเฉลี่ย 60
เดือนสุดท้าย
- เงินก้อนที่ได้รับจาก กบข.
(เงินประเดิม,เงินชดเชย,เงินสะสม,เงินสมทบ,และผลประโยชน์)
กรณีเกษียณ ทดแทน
พิการทุพพลภาพ
ไม่เสียภาษี
แต่ถ้าเงินกรณีลาออกจะต้องเสียภาษี
- หลักเกณฑ์
และเงื่อนไขบำเหน็จ บำนาญ
เหมือนในปัจจุบัน
เพียงแต่สูตรในการคิดคำนวณบำนาญเปลี่ยนไป
เงินสินไหมทดแทน
(พิทักษ์พล)
- ผู้ที่จะได้รับสิทธิ
พลทหารกองประจำการ
และนักเรียนทหารของกองทัพบกที่ไดรับอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตาย
หรือพิการทุพพลภาพจนเป็นสาเหตุให้ถูกปลดออกจากกองประจำการ
หรือถูกปลดพ้นสภาพจากความเป็นนักเรียนจากสาเหตุทางการฝึกทางการศึกษาทางธุรการ
และอื่น ๆ ทั้งนี้
ต้องมิใช่เกิดจากสาเหตุความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
หรือจากการกระทำของตนเอง
สืบเนื่องจากยาเสพติด
โรงซึ่งเกิดก่อนเข้าเป็นทหารกองประจำการ
จนไม่สามารถรับการฝึกตามหลักสูตรเบื้องต้นของทางราชการได้
- การขอรับสิทธิ
- หน่วยต้นสังกัด
เป็นผู้ดำเนินการเสนอตามสายการบังคับบัญชา
ถึงระดับกองพลหรือเทียบเท่า
แล้วจึงเสนอเรื่องให้กพ.ทบ.
- ผู้มีอำนาจอนุมัติ (เสธ.ทบ.)
อนุมัติแล้ว กพ.ทบ.จะแจ้งให้
สก.ทบ.ทราบเพื่อประสาน
บริษัท ไทยประกันชีวิต
จำกัด
ดำเนินการเกี่ยวกับการจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิ
พร้อมแจ้งให้กับหน่วยงานทราบ
- สก.ทบ.
แจ้งหน่วยที่ขอรับสิทธิและหน่วยต้นสังกัดของกำลังพลที่ขอสิทธิทราบเพื่อมอบเงินค่าสินไหมทดแทนประกันชีวิต
- การจ่ายเงินสินไหมทดแทน
- พลทหารกองประจำการ รายละ
10,000 บาท
- นักเรียนนายสิบ
นักเรียนดุริยางค์ของกองทัพบกรายละ
20,000 บาท
- นักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
นักเรียนแพทย์ทหาร
นักเรียนพยาบาลกองทัพบก
รายละ 30 ,000 บาท
|