Return |
“พ่อเลี้ยงวรรณ” มีประวัติเป็นคนไข้โรคมะเร็งในกระดูกและข้อซึ่งแพร่กระจายไปสู่ต่อมน้ำเหลืองและโลหิตแล้ว “พ่อเลี้ยงวรรณ” ไปรักษาตัวที่ประเทศเกาหลี ด้วยวิธีการเฉพาะทาง ด้วยตัวยาสมุนไพรและวิธีการที่เริ่มต้นด้วยศรัทธาแห่งจิต “พ่อเลี้ยงวรรณ” หายเป็นปกติ ก้อนเนื้อมะเร็งฝ่อ ออกกำลังกายได้ทุกวัน โดยการวิ่งวันละ 9 กม. “พ่อเลี้ยงวรรณ” บอกทุกคนว่า “ผมไม่ตายแล้ว” “พ่อเลี้ยงวรรณ” เป็นวิทยากรบรรยายตามคำเชิญของแพทย์โรงพยาบาลต่างๆ โดยไม่พึงประสงค์ค่าวิทยากร รวมทั้งค่ารถ ค่าอาหารใดๆทั้งสิ้น “พ่อเลี้ยงวรรณ” เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของผลิตภัณฑ์มันฝรั่ง “เลย์” เดินทางไปไหนต่อไหนด้วยพาหนะ “เบ็นซ์”พร้อมคนขับ เหตุผลที่ต้องบอกเช่นนี้ก็เพื่ฮให้รู้ว่า พ่อเลี้ยงมีอันจะกิน ไม่พึงประสงค์ที่จะหาผลประโยชน์ใดใดจากการก่อตั้ง “มูลนิธิวรรณ” ส่วนที่ต้องใช้ “เบ็นซ์”ก็เพราะว่าชีวิตเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มาบ่อยครั้ง และทุกครั้งก็ปลอดภัยเพราะอยู่ใน “เบ็นซ์” ก็เลยรู้สึกอบอุ่น จะถือว่าเป็นการโฆษณาก็ยอม... “พ่อเลี้ยงวรรณ” มีลูกหลานรวมกว่า 30 คน ทั้งลูกจริงและลูกบุญธรรม โดยทางมูลนิธิให้ทุนช่วยเหลือการศึกษาระดับปริญญาตรีต่อเนื่องทุนละ 3,500 บาทต่อเดือน ปีละ 10 คน จึงทำให้มีลูกๆเย๊อะ...ประมาณนั้น “พ่อเลี้ยงวรรณ” ยินดีช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยเฉพาะผู้ยากไร้ด้วยความเต็มใจ ไม่คิดเงิน เป็นสาธาณะกุศล “พ่อเลี้ยงวรรณ” ยินดีไปบรรยายพิเศษทั่วประเทศ ค่าเครื่องบิน ค่ารถ ค่ากิน ฯลฯ พ่อเลี้ยงวรรณบอกว่า ตนเองออกค่าใช้จ่ายเอง ไม่รบกวนเจ้าภาพ เพราะรวยอยู่แล้ว....ประมาณนั้น ฯลฯ ผมถามไปตรงๆว่า เมื่อ “ตัวยา” และ “วิธีการ” ได้ผลอย่างนี้ ทำไมถึงไม่ประสานวิทยาศาสตร์การแพทย์และทำไมไม่เสนอตัวเข้าไปช่วยคุณยอดรัก สลักใจ หรือคุณหยาด นภาลัย “พ่อเลี้ยงวรรณ” ตอบทันทีว่า วิธีการมันแตกต่างกัน เพราะของมูลนิธิวรรณเริ่มต้นด้วย “จิตศรัทธา”และความมุ่งมั่น ซึ่งวิธีการของ “พ่อเลี้ยงวรรณ”ทุกวันนี้ก็ได้รับเชิญจากคณะแพทย์จากหลายๆโรงพยาบาลไปทำหน้าที่วิทยากรให้การแนะนำอยู่อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว และการที่จะติดต่อรับความช่วยเหลือ “พ่อเลี้ยงวรรณ”ก็ขอพูดคุยกับผู้ป่วยหรือผู้ดูแลผู้ป่วยโดยตรงทางโทรศัพท์หรือไม่ก็พบปะกับคนไข้โดยตรง โดยไม่ยินดีที่จะให้คำปรึกษาผ่านคนกลาง...
|